น้องดีนวันที่คุณแม่แต่งงานมีคนบอกสคริปต์ไว้ไหมว่าจะต้องพูดอะไร?
น้องดีน : ก็มีคำนึงนะครับ คุณยายบอกว่า ผมรู้ คุณแม่รักผม
ตอนพี่ 7 ขวบ พี่ไม่สามารถพูดแบบนี้ได้?
ดีเจดาด้า : ด้าก็พูดไม่ได้
ประโยคนี้เขาเอามาจากไหน?
ดีเจดาด้า : ตอนแรกด้าก็งงเหมือนกัน จริงๆ ในแพลนงานแต่งงานด้าไม่ได้ตั้งใจให้ดีนลุกขึ้นมาพูดหรืออะไรเลย วันนั้นด้วยความที่แขก 30 คน มีทั้งหมด 4 โต๊ะ เพื่อนๆ ไปแล้ว 3 โต๊ะ โต๊ะ 4 มีแต่ญาติๆ แล้วดีนก็นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น คือโต๊ะนั้นขี้อายกันหมดเลย ไม่มีใครกล้าพูด อยู่ดีๆ เขาก็ยกมือว่าผมขอพูด แล้วน้องดีนก็หยิบไมค์มาขอพูดเลย
รู้สึกยังไงกับคำพูดทั้งหมด เพราะคำพูดของเด็กมันมาจากความรู้สึกที่เขาไม่ต้องปรุงแต่ง?
ดีเจดาด้า : ใช่ วันนั้นตกใจแล้วก็เซอร์ไพรส์ เราเห็นลูกแค่เขาเล่นของเล่น คุยกันสนุกสนาน วันนั้นเชื่อไหมที่เขาพูดว่าเจสันพลีสเทคแคร์มายมัม น้ำตาไหล
เจสัน : ทุกวันที่อยู่กับดีนเขาถือว่าเป็นเหมือนครูสอนภาษาอังกฤษเขาด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่คิดว่าความสามารถของเด็กคนนี้ ตอนที่เขาบอกให้ดูแลแม่เขา น้ำตาไหลเลย เพราะรู้สึกว่าผู้ชายคนนึงบอกผู้ชายอีกคนให้ดูแลแม่เขาหน่อย
ดีเจดาด้า : วันนั้นนั่งอยู่กับเจสัน แล้วจับมือกันน้ำตาไหลกันทั้งคู่เลย
ทั้งประโยคที่ยืนพูดให้แม่กับเจสันวันนั้น คิดได้ยังไง?
น้องดีน : มันคิดขึ้นมาเองเลย ทุกครั้งเวลาผมจะพูดอะไรแล้วพอมาอยู่จริงๆ จะพูดได้ทุกครั้งเลย อยู่ดีๆ มันก็คิดได้ครับ
ถ้าวันนี้ให้พูดถึงคุณแม่กับเจสัน?
น้องดีน : เขาก็ดีนะครับ
พี่ดีนไม่หวงคุณแม่เหรอครับ พอคุณแม่จะแต่งงานพี่หวงคุณแม่ไหม?
น้องดีน : ไม่
น้องดีนเข้าใจไหมว่าการแต่งงานมันคืออะไร?
น้องดีน : มันเป็นการที่ทั้งสองคนได้รักกันครับ แล้วเจสันกับคุณแม่พร้อมจะเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน จะไม่มีใครถอยอีกเด็ดขาด คือคุณแม่ เจสัน แล้วก็ผมจะเดินหน้าไปทุกคนเลย
ด้าบอกลูกยังไง?
ดีเจดาด้า : คือค่อยๆ บอกเขา อย่างปีแรกที่เราได้รู้จักกับเจสัน แล้วเริ่มที่จะศึกษากัน ช่วงนั้นเจสันยังไม่ได้ย้ายมาเมืองไทย ก็จะพยายามทุกครั้งที่เขามาเมืองไทยก็จะให้เจอลูกสักครั้งนึง ที่จะให้เขามาที่บ้าน ทานข้าวกับดีน ค่อยๆ ทีละนิดครั้งแรกที่เจสันมาเมืองไทย แล้วเจอเขาครั้งแรก เขาก็ยังไม่รู้หรอก เขาคิดว่าเป็นเพื่อนคุณแม่มาเที่ยวที่บ้าน ครั้งแรกที่เขาเจอกัน น้องดีนประมาณ 4 ขวบ ก็แค่ทักทาย แต่พอเจอบ่อยๆ ขึ้นก็เริ่มสนิทสนม หลังจากนั้นก็โอเคตัดสินใจ เจสันย้ายมาอยู่เมืองไทย ครั้งแรกคือให้เขามาเจอกันบ่อยๆ พอวันนึงเจสันย้ายมาอยู่บ้านเรา มันก็ค่อยๆ ชินกับเจสันแล้ว ก็เลยไม่มีปัญหา
ด้าแนะนำให้น้องดีนว่าเจสันเป็นใคร?
ดีเจดาด้า : ก็บอกว่านี่คือเจสัน ไม่ได้บอกว่าคือใคร เพราะว่าเมื่อก่อนน้องดีนเข้าใจว่าแฟนคุณแม่คืออาอ๋อง
เจสัน : ตอนแรกคิดว่าจะรอให้คบกันสัก1ปีก่อนแล้วค่อยเจอดีน
ดีเจดาด้า : เรารู้สึกว่าเราอยากให้เขารู้จักเราเต็มที่ว่าเป็นยังไง ตอนนั้นคบกันประมาณ 5 เดือน ก็เลยแนะนำดีนเลยแล้วดีนก็เพิ่งกลับจากบ้านคุณยายเลยได้เจอกัน ก็เลยแนะนำ
ทำยังไงให้ลูกของเราเข้าใจว่าคนนี้คือแฟนของแม่?
ดีเจดาด้า : ธรรมชาติเลย ด้ามองว่าถ้าเราสนิทกับลูก คุยกับลูกเป็นประจำลูกจะรับได้ในความเป็นเรา แล้วคนที่จะเข้ามาหาแม่ หรือเป็นคนพิเศษที่แม่อยากจะศึกษา อย่างคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแบบนี้ บางคนอาจจะรู้สึกว่าเวลาเราคบใครไม่อยากให้ลูกมาเจอผู้ชายคนใหม่ แต่ด้ามองว่าถ้าเกิดเราคุยกับเขา ทำเหมือนเขาเป็นเพื่อน เหมือนเขาเป็นที่ปรึกษาเราได้ เขาก็จะชินกับการที่เรารู้จัก แต่ต้องสแกนก่อนนะใครมาจีบเราก็ยังไม่ได้มามาเจอ แต่พอวันนึงเรามั่นใจแล้วว่าคนนี้จะมาเป็นแฟนเรา เราจะแนะนำให้เขารู้จัก
มีความรู้สึกกลัวไหม ถ้าลูกไม่โอเคแล้วเราจะทำยังไง?
ดีเจดาด้า : คิดเหมือนกัน ตอนนั้นถ้าถามด้า วันนึงเราคบกันแล้ว แล้วเขาไม่โอเคกับผู้ชายใหม่เรา เราก็ต้องเลือกลูกเราก่อน ในใจเราคิดแบบนี้ ด้าก็บอกกับเจสันเลย ตอนที่เราศึกษากัน เขาก็รู้อยู่แล้วว่าด้าเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
น้องดีน : ผู้ชายผมโอเคทั้งนั้น แต่ขออย่างเดียว อย่าเป็นคนใจร้ายกับผม เจสันใจดี
ดีเจดาด้า : คือเขาเป็นคนใจกว้างมากๆ แม่ ลูก เราคุยกันตลอดเวลา เหมือนเขาเป็นเพื่อนคนนึง เขาสามารถไปไหนมาไหนกับด้า คุยกับเพื่อนด้า มาทำงานได้ เจอกับคน เราก็อยากให้ลูกได้รู้จักเพื่อนเราด้วย เขาก็รู้สึกว่าเปิดกว้างมากขึ้น
ยากไหมที่ต้องเปลี่ยนสถานะตั้งแต่เพื่อน มาเป็นแฟน แล้วก็มาเป็นสามีต่อหน้า ต่อตาของน้องดีน?
เจสัน : ไม่เลย ทั้งคู่เข้ากันได้ตั้งแต่จุดเริ่มต้น
ดีเจดาด้า : โชคดีของด้า วันที่เจสันเริ่มเข้ามา วันที่เขาเจอดีนไม่เคยมีอุปสรรคที่จะทะเลาะ หรือเขาจะหวงแม่ ไม่มีเลยเขาเข้าใจ เป็นเด็กที่เข้าใจแม่มาก แล้ววันนึงเจสันเดินเข้ามา เขาก็โอเค แล้วโชคดีเจสันเป็นคนรักเด็กด้วย เขาก็ดูแลทุกวันนี้ดูแลดีนดีมากเลย ถ้าด้าไปทำรายการแฉ ตอนกลางคืนก็สามารถให้เขาพาดีนเข้านอนได้ ทุกวันนี้ก็กลายเป็นสอนภาษาอังกฤษ สอนเลขดีนมากกว่าด้าอีก ด้าเป็นคนที่สอนลูกไม่ได้ใจร้อน
ด้ากับคุณเจสันตัดสินใจใช้ชีวิตคู่กันแล้ว แล้วเราตกลงยังไงในการดูแลน้องดีน?
ดีเจดาด้า : ก็คุยกัน อย่างตอนนี้เจสันจะเน้นดูแลในเรื่องของการเรียน เพราะว่าเราไม่ได้เน้นเรื่องวิชาการ ชอบเน้นให้ลูกทำกิจกรรม แต่นี่เขาเป็นคนที่ชอบเรียนหนังสือมากๆ ไม่ได้แล้วนะอันนี้ดีนต้องรู้นะ ดีนต้องอ่านหนังสือออกแล้วนะต้องบวกเลขเป็น
ทำไมถึงซีเรียสในเรื่องการเรียนของน้องดีน?
เจสัน : มันสำคัญมาก เพราะว่าเด็ก 40 คนที่เรียนออนไลน์เหมือนน้องดีน ไม่ใช่ทุกคนที่มีคนรักและใส่ใจยืนอยู่เคียงข้างเขา แล้วเขาอยากจะเป็นคนนั้น แล้วมันเหมือนการแฝงตัวเข้าไปด้วย เพราะตอนนี้น้องดีนก็เป็นลูกเลี้ยงและอยากหาอนาคตที่ดีที่สุดให้กับคนคนนี้ และอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา มากกว่าเด็กคนอื่น เพื่อที่จะสอนเขาเรียนออนไลน์แล้วเรียนคนเดียว
ตอนนี้แต่งงานแล้วอยากให้ลูกเปลี่ยนสรรพนามเรียกคุณเจสันไหม?
ดีเจดาด้า : ก็คุยกันกับเจสันว่าเมื่อไหร่ที่เขาพร้อมค่อยว่ากัน ตอนนี้เขาจะเรียกเจสันไปก่อนซึ่งด้าไม่ได้ไปบังคับลูกว่าจะต้องเรียกพ่อหรืออะไร คือเขาก็เข้าใจว่านี่คือเจสัน แต่ถ้าวันนึงเขาอยากจะเปลี่ยนก็เรื่องของดีนเลย
น้องดีน : แต่คุณยายบังคับผมให้เรียกพ่อ
ดีเจดาด้า : แล้วน้องดีนอยากเรียกไหม
น้องดีน : ไม่ ผมรู้ว่าพ่อฟีคือพ่อของผม แต่เจสันเป็นพ่อไม่แท้ พ่อเลี้ยง
จากครอบครัว3 อยากให้เป็นครอบครัว4 ไหม?
ดีเจดาด้า : อยากให้แม่มีน้องไหมลูก
น้องดีน : อยากครับ อยากมีน้องผู้หญิง เพราะมีน้องชายไปแล้ว
เจสัน : อยากมีมาก แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดาด้า
ดีเจดาด้า : เรื่องเอาใจเขาเอาใจอยู่แล้ว เขาเป็นคนหวาน คนโรแมนติก
แล้วแพลนเมื่อไหร่พวกเราจะได้เห็นหลานสาว?
ดีเจดาด้า : คือตอนนี้มีความอยากๆ เดี๋ยวก็ไม่อยาก ด้วยอายุ 41 แล้ว ก็เลยกลัวว่าเดี๋ยวจะแก่เกินไป
น้องดีน : ถ้าคุณแม่คลอดออกมาแล้ว ลูกคุณแม่คือลูกคนแม่ ผมก็คือลูกคุณแม่ แต่ลูกคุณแม่อีกคนคือลูกของเจสัน มันคนละพ่อ แต่ผมก็รับได้
คุณแม่ตั้งชื่อน้องไว้แล้ว?
ดีเจดาด้า : ไม่ใช่ น้องดีนๆ
น้องดีน : ชื่อแก้ว มันเป็นชื่อหวานๆ ดี แต่ถ้าเป็นน้องผู้ชายชื่อดิน
ดีเจดาด้า : จริงๆ ไม่ได้แพลน มาก็ไม่เป็นไร ก็มา
เท่ากับว่าตอนนี้ปล่อยธรรมชาติอยู่?
ดีเจดาด้า : ปล่อย แต่ว่าถ้าเราอยากมีตอนนี้ก็คือสองจิต สองใจอยู่ อาจจะเป็นปีหน้าไปปรึกษาหมออีกที เพราะปีหน้า42 แล้วว่าจะมีน้องไหม ถ้ามีคงใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์มากกว่าไม่ได้ธรรมชาติ
ตอนนี้แต่งมา 1 เดือน ทำไมไม่จดทะเบียน?
ดีเจดาด้า : อยู่ในขั้นตอน เราเพิ่งรู้เหมือนกันนะว่าจดทะเบียนกับชาวต่างชาติ เราเข้าใจตอนที่จัดงานแต่งงาน ก่อนงานสัก 1 สัปดาห์เราจะไปสำนักงานเขต แล้วก็ไปจดทะเบียนกัน สุดท้ายรายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะมาก เดี๋ยวเขาต้องไปยื่นเรื่องที่สถานทูต ยื่นเอกสารในการยืนยันตัวตนว่าไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยเป็นบุคคลที่ต้องคดีมาก่อน รายละเอียดมันเยอะ เอกสารพร้อมแล้วเราก็ไปที่สำนักงานเขต สำนักงานเขตบอกว่าใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนว่าเอกสารของจริงหรือเปล่า
จริงๆ แล้วใจก็อยากจะจด?
ดีเจดาด้า : ยื่นเรื่องไปเรียบร้อยแล้ว
น้องดีนเม้าท์คุณแม่กับเจสันหน่อย เวลาเขาอยู่ด้วยกันเป็นยังไง?
น้องดีน : สวีทมาก คนนี้เขาก็ไปทับตัวแม่
ดีเจดาด้า : กอดลูกกอด อย่าเพิ่งคิดไปไกล คืออยู่บ้านเราเล่นกัน สมมติเราดูทีวีกันอยู่ น้องดีนชอบกระโจนมาใส่ด้า เจสันเขาเลยแบบทำเหมือนดีนกระโจนมากอดแม่บ้าง กลายเป็นแบบฮักกรุ๊ปกัน
ด้าตกลงจะไปอยู่เกาหลีเหรอ?
ดีเจดาด้า : ไม่ตอนนี้หลักๆ คืออยู่เมืองไทยแน่นอน แต่กะว่าอีกหน่อยแพลนกับเจสันไว้ว่าในอนาคตจะไปซื้อบ้านที่โซลสักหลังนึง
ไม่ได้แพลนว่าจะไปอยู่นู้น?
ดีเจดาด้า : ไม่ได้แพลนๆ คือเขาแพลนมาอยู่ที่เมืองไทย ตอนนี้เริ่มทำธุรกิจที่เมืองไทยแล้ว แต่ว่าในอนาคตอีกสัก 5 ปีคงอยากซื้อบ้านที่เกาหลีอีกสักหลัง
แล้วครอบครัวเจสันมีปัญหาไหมที่เขาย้ายมาอยู่เมืองไทย?
ดีเจดาด้า : ไม่มีปัญหา ครอบครัวเขาเลี้ยงแบบฝรั่ง เขาไปอยู่อเมริกาตั้งแต่เด็ก พออายุ 18-19 ก็ย้ายออกมาจากบ้านพ่อ แม่ ก็จะอัปเดตกันตลอดว่าเป็นยังไง
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์–ศุกร์ 13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ ดีเจ.ดาด้า