เมื่อวานคริสออกงานให้สัมภาษณ์ถึงเจนี่เรียกว่าเป็นโมเมนต์ที่หลายคนรอคอยเลย ?
เจนี่ : ใช่ จริงๆ อยากจะบอกว่าเหมือนโมเมนต์ยิ่งกว่าแต่งงานกับสามีอีกเพราะว่าคนกดไลค์และคนแชร์รูปเยอะมาก เหมือนคนติดตาม รอคอย แล้วก็ลุ้นด้วย เจนเองก็ลุ้นนะ
กี่ปีนะ ?
เจนี่ : 7 ปี แล้วเจนจะบอกว่า 7 ปีระหว่างทางที่เราไม่ได้คุยกัน เรายังเจอกันตามงานนะ
เวลาเจอแล้วยังไง ?
เจนี่ : เจนเฉยๆ ก็ยิ้มให้ แต่เราก็ไม่ได้คุยกันเหมือนเพื่อนในกลุ่มเหมือนทำตัวไม่ถูก
จริงๆอยากคุยแต่เราก็ไม่รู้ว่าเราจะเข้าจุดไหน แต่ส่งยิ้มให้กันตลอด ?
เจนี่ : ใช่ แล้วก็เหมือนไม่มีตัวเชื่อม มันแบบเขิน
อาจจะมีความเก๊กๆกันอยู่ ?
เจนี่ : เก๊กมากเลยค่ะ
วันที่คืนดีกันได้คุยกันเหตุการณ์มันเป็นอย่างไรบ้าง ?
เจนี่ : มันตลกมาก วันนั้นไปงานแล้วก็เดินออกมาจากงาน เจนนั่งรถไปกับนานากับเวย์ เราก็ขึ้นรถก่อน เวย์ขับรถ คุณนานา แล้วก็เจนนั่งข้างหลัง แล้วด้วยความที่รถเขาเป็นฟิล์มมืดหน่อย แล้วคุณคริสเขาก็เดินมาที่รถพอดี ไม่รู้ว่าเจนอยู่ในรถเพราะเป็นฟิล์มมืด แล้วคุณเวย์ก็เปิดหน้าต่าง แต่ไม่เห็นเจนนะเพราะเจนนั่งข้างล่าง แล้วเจนก็โผล่หน้าไปนิดนึง แล้วคริสก็บอกว่าถ่ายกับรถหน่อยๆ เหมือนทำตัวไม่ถูก แล้วคุณเวย์ก็บอกว่าดีกันได้แล้วๆ ดีกันเลยๆ โกรธกันทำไม ดีกันเถอะนะแล้วก็จับมือคริสแล้วก็เจนี่ เจนี่ก็ยื่นมือเลยแบบพร้อม
รู้สึกว่าไม่เขินแล้วเพราะมีคนพูดให้ ?
เจนี่ : ใช่ เหมือนกับแค่ว่าต้องมีบุคคลที่ 3 ที่ช่วยเป็นกาวนิดนึง
ความรู้สึกที่ได้จับมือกันแล้วรู้สึกยังไงบ้าง เหมือนแฟนที่เลิกกันไปแล้วคืนดีกันมั้ย ?
เจนี่ : ใช่ เหมือนแฟน แล้วเลือดข้างในมันวึดวับ
เรียกว่าปลดล็อคความรู้สึก 7 ปี มั้ย ?
เจนี่ : ยิ่งกว่า คนเราเป็นแฟนกันเลิกกันไปยังไงก็คือคนอื่น แต่การเป็นเพื่อนการถึงแม้เราจะมีเรื่องอะไรเรากลับมาเราก็คือเพื่อนกัน แล้วมันคือสนิทใจเหมือนเดิม แล้ว 7 ปีคือยาวนานมากนะ
ความรู้สึกตอนนั้นที่เราตัดสินใจยื่นมือเข้าไปเลยทันที จำความรู้สึกได้มั้ยโมเมนต์นั้นคิดอะไรอยู่ ?
เจนี่ : น้ำตาจะไหล คือพอเราผ่านอะไรมาเยอะ ต่างคนต่างไปมีชีวิตด้วย เจนเองก็ไปมีครอบครัว ความคิดถึงเพื่อน 7 ปีที่ผ่านมาเรื่องราวมันเยอะมากเพราะเวลาคนอื่นจะไปเจอคริสเขาก็จะแบบ เห้ยเจนโอเคมั้ย เจนบอกเจนโอเคแบบโอเคมาก เจนไม่โกรธเลยมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจนมันเป็นแค่เรื่องของเจนกับคริส เจนก็เลยบอกเพื่อนทุกคนว่าไม่ต้องมาเกรงใจเจนนะ พวกเราเหมือนเด็กผู้ชายมีอะไรพูดกันตรงๆ ไม่หยุมหยิมเลย มันเป็นกฎของพวกเราแต่แรกว่ามีอะไรให้พูดตรงๆ นึกออกใช่มั้ยว่าผู้หญิง 7 คนมาอยู่ด้วยกันมันจะมีความผู้หญิงที่แบบจุ๊กจิ๊กที่บอกไม่ถูก
แต่การพูดจตรงๆก็จะเป็นเส้นบางๆ เราตรงออกไปแล้วเราตรงด้วยความจริงด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่บางครั้งอีกฝั่งจะรู้สึกยังไง ?
เจนี่ : 20 ปีที่ผ่านมากับการอยู่กับเพื่อนๆ เราผ่านอะไรมาทั้งหวาน ทั้งพูดไม่ตรงๆ ทั้งอ้อมๆก็แล้วอะไรก็แล้ว พวกเราสังเกตว่าพวกเราพูดตรงดีที่สุดค่ะ
ถ้าโกรธกันก็โกรธกันตรงนั้น ?
เจนี่ : ใช่ ให้เคลียร์กันตรงนั้นเลย แล้วถ้ามีปัญหาอะไรอย่ากลับไปบ้านแล้วนอนหลับคืนนั้นมันจะไม่ผ่านพ้นไป แต่ถ้าพวกเราคุยกันให้รู้เรื่อง คุยกันแบบจับมือกัน เพื่อนฉันมีอะไรจะบอกมันเป็นอย่างนี้นะ เพื่อนคิดยังไง เราเป็นผู้ใหญ่แล้วการที่เราจะคุยกับใครซักคนมันมีวิธีหลายอย่างที่เราจะบอกเล่าเรื่องราวกับเพื่อน
หลังจากที่เจอแล้วจับมือวันนั้นเห็นว่านานานัดเพื่อนทานข้าวด้วยกันเลย ?
เจนี่ : ใช่ค่ะ แล้ววุ้นก็แจกการ์ดด้วย
เหมือนเป็นวันเกิดเจนกับวันเกิดคริสในเดือนเดียวกัน ?
เจนี่ : วันเกิดคริสกับเจนสุดา
ตอนที่เราจับมือกันตอนนั้นเหมือนเรายังไม่ได้คุยรายละเอียดอะไรกัน ?
เจนี่ : เราไม่ต้องคุยรายละเอียดเลยมันเหมือนกับแค่มองตาน้ำตาก็ไหลเลย เจนกับคริสก็คือไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียวในช่วงเวลาในขณะที่เหมือนตอนนั้นที่มีปัญหา แล้วเราก็ไม่อยากเคลียร์ แล้วเราก็เข้าใจกันและกัน มันเลยจุดที่ต้องมานั่งอธิบายแล้ว
เห็นว่าเจนร้องไห้เลย ?
เจนี่ : เจนเป็นคนเซ้นซิทีฟค่ะ ถ้าเรื่องเพื่อนนะเป็นคนเซ้นซิทีฟมาก เจนเป็นคนรักใครไม่ใช่ร้อย เจนให้มากกว่าร้อย แล้วยิ่งเป็นเพื่อนๆที่เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เจนจะรู้สึกว่าโมเมนต์มันยากมากกับการที่เราจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างให้มันมีค่าและให้มันน่าจดจำเป็นเหมือนพิคเจอร์ เฟรม ที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตจริงๆ
วันรุ่งขึ้นที่นานานัดเลย วันนั้นมีโมเมนต์อะไรซึ้งๆให้พวกเราได้ยิ้มที่รอคอย 7 ปี ?
เจนี่ : เหมือนแกล้งทำเป็นอ้อมก่อน ทุกอย่างไม่ใช่ประเด็นเลย ประเด็นคือเพื่อนพยายามจะจัดให้นางข้างคริส ตอนแรกนั่งตรงข้ามกัน จะเดินไปถ่ายรูปรวมให้เค้กก็ไปนั่งข้างคริส แล้วนานานั่นแหละ คุณนานาก็ชงเก่ง เพื่อนกอดกันๆ แค่กอดกันน้ำตาก็แบบ
แล้วได้พูดมั้ย ?
เจนี่ : ไม่ทันได้พูด เจนแค่จะกอดน้ำตาเจนก็มาแล้ว
แล้วคริสล่ะ ?
เจนี่ : ไม่พูดอะไรเลย พอเขาเห็นเจนน้ำตามา เขาก็บอกอย่าร้องนะ แต่ก็ร้องฮือเป็นเด็กเลย
พอแก้งนางฟ้ามารวมตัวกันจนครบ 7 คน เห็นว่าพอลล่าก็ย้ายกลับมาที่เมืองไทย ?
เจนี่ : ใช่ ดีใจมาก เราเป็นเพื่อนจนเป็นครอบครัวไปแล้ว
โนล่าอายุเท่าไหร่แล้ว ล่าสุดไปเดินแบบ ?
เจนี่ : จะ 5 ขวบแล้วค่ะ คุณลูกสาวไม่ชอบงานบันเทิงเลย เขาชอบงานบันเทิงแค่เวลาเขาอยู่บ้าน ชอบเต้น คุณนานาก็จะโทรมา โนล่าไปเดินแบบให้นานาหน่อยนะ หนูไม่เดินค่ะ หนูไม่ชอบ ไม่ชอบแต่คือสับขาเลยนะ
แล้วทำยังไงให้ขึ้นไปเดินได้ ?
เจนี่ : เจนเป็นคนที่ไม่ฝืนใคร ไม่เดินไม่เป็นไรลูก แต่บังเอิญว่าลูกน้องสาวนีน่าไปเดิน แล้วตอนที่ไปตื่นมาตอนเช้าคำแรกที่พูดหม่ามี๊วันนี้หนูไม่เดินแบบนะคะ จำได้เลย ไปร่วมงานแต่ไม่เดินนะคะ ได้ค่ะลูกหนูไม่เดินก็ได้ค่ะ แต่แม่มีวิธีพูด พอไปถึงจูงนีน่าลูกน้องสาวไปแต่งหน้า แล้วเป็นงานเด็กก็จะมีแต่เด็กนั่งแต่งหน้าก็จะน่ารัก โนล่าเริ่มนั่งซักพักเริ่มทนไม่ไหว หม่ามี๊หนูอยากปัดแก้มสีชมพู หรอลูกถ้าหนูปัดแก้มสีชมพูหนูต้องเปลี่ยนเสื้อนะ นั่งคิดอยู่แป๊ปนึง ก็ได้ค่ะ พอเดินไปปัดแก้มพอปัดเสร็จปุ๊ป หม่ามี๊หนูอยากทำผม ไม่ได้นะลูกมีค่าใช้จ่าย หนูต้องเดินนะลูกถ้าหนูจะไปทำผมเพราะว่าถ้ามาร่วมงานเฉยๆหนูไม่ต้องทำ ก็คิดแป๊ปนึง แล้วคุณยายไปด้วย ให้คุณยายทำได้มั้ย ได้ลูก ก็วิ่งหาหวีหาอะไรแล้วก็นั่ง หม่ามี๊แต่หม่ามี๊ต้องเดินด้วยนะคะ หม่ามี๊ต้องเดินจูงออกไป แต่ตอบไปก่อนว่าได้ค่ะลูก ตอนที่แต่งหน้าเสร็จ แต่งตัวเสร็จแล้ว ไม่ได้ซ้อมอะไรเลย ไม่เห็นเวที เพราะเขาไม่เดิน พอไปหลังเวทีก็บอกเขาว่าเดี๋ยวพอหนูเดินออกไปหนูก็โพสต์ตรงกลางนะคะ แล้วก็ไปสุดเวทีแล้วหนูก็เดินกลับมาโพสต์แล้วหนูก็เข้ามาได้เลยค่ะ หม่ามี๊เดินด้วยไม่ใช่หรอคะ ใช่ค่ะลูก พอกำลังจะออก เจนก็ลุ้นในใจขอพรยิ่งกว่าขอให้ตัวเองอีก ปู่ช่วยด้วยขอให้ลูกฟัง ขอให้โนล่าเดินออกไป เขาก็จูงนีน่าแล้วเจนก็ลองปล่อยเขา เขาก็เดินออกไปเองเลย ไม่หันมามอง แล้วก็เดินอย่างมั่นใจไปหน้าเวทีแล้วก็โพสต์ แล้วตลกมากตอนที่เดินกลับมามันต้องมีเดินฟินาเล่ เจนไม่คาดหวังใดๆอีกแล้วแค่นี้มันก็สุดของเราแล้ว นีน่าเขาก็เริ่มงอแงแล้วเขาก็ไปกินข้าวต่อ เราก็บอกป่ะโนล่าเราไปกัน ไม่ค่อหม่ามี๊หนูต้องเดินฟินาเล่
ภูมิใจแค่ไหน ?
เจนี่ : ดีใจ จริงๆแล้วไม่ได้ดีใจที่เขาเดินแบบได้นะ แต่ดีใจที่เขาเริ่มโตขึ้น เขาคิดแล้วก็จัดการอะไรหลายๆอย่างในตัวเขาเอง แล้วก็ภูมิใจในตัวแม่ด้วยที่ใช้จิตวิทยาได้ดีมาก เจนว่ามันสำคัญมากกับการที่คุณจะพูดกับลูกบังคับไม่ได้เลย การที่เราพูดชี้นำทาง เขาไม่ได้คิดเหมือนเรา แต่ถ้าเราฟังเขาแล้วลองประเมินแล้วค่อยพูดออกไปว่าเราจะทำยังไงดี เจนว่าอันนี้สำคัญกว่า มันมีหลายโมเมนต์ที่เจนเครียดแล้วก็คาดไม่ถึง นึกไม่ถึง ลูกอายุเท่านี้ทำไมถึงรู้มากกว่าอายุขนาดนี้ เจนก็แก้ปัญหาเดี๋ยวนั้นเลยนับ 1-10 แล้วก็คิด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเจนจะใช้ความนิ่งก่อน เจนเป็นคนที่ไม่ดุลูกเลย ไม่ขึ้นเสียงกับลูก ไม่ตีลูกเลย ต่อให้เจนจะไมเกรนขึ้นผมขนาดไหน เจนก็จะใช้ความใจเย็นแล้วก็เงียบนิ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แม่เงียบเป็นน้ำเย็นที่สุดโนล่าจะร้องไห้แล้วเดินเข้ามาไหว้เพราะเขาเริ่มรู้แล้วว่าหม่ามี๊โกรธมาก แต่ต้องใจเย็นเป็นน้ำเลยนะแทบจะต้องใส่เอียปลั๊กที่อยู่บนเครื่องบิน แล้วก็พยายามแบบไม่มีอะไรนะๆ เหมือนเป็นการฝึกสมาธิอย่างนึง เราเย็นๆ ถ้าเราร้อนไปตามสิ่งที่เขาเปล่งออกมา พูดเลยเหมือนกาเจอน้ำเดือดปุดๆแล้วราดลงเนื้อมันจะเละไปหมดเลย
อัพเดทเรื่ององค์พญานาค ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเจนี่เป็นคนที่นับถือมากๆ ทราบมาว่าเชิญปู่เข้าบ้าน 3 องค์ ?
เจนี่ : 3 องค์ที่อยู่ ณ ขณะนี้มาเหมือนกับท่าานรอที่จะมา
แล้วเรารู้ได้ยังไงว่าท่านรอที่จะมาอยู่กับเรา ความรู้สึกเป็นยังไง ?
เจนี่ : บางทีเราสื่ออกมาไม่ได้ บางทีเราเห็นแล้วเจนก็จะบอกว่าองค์นี้แหละใช่ สององค์ล่าสุดพี่คิวให้มาเหมือนห่อใส่กล่องสวยๆเป็นของขวัญแล้วก็ถือมาให้เจนใส่ถุงมา พอเจนจับถุง เจนก็บอกพญานาคใช่มั้ย เขาบอกพี่เจนรู้ได้ไง รู้ซิ เพราะว่าจับพลังงานได้เลย
จะอัญเชิญให้ปู่อยู่ในบ้านด้วย ?
เจนี่ : น่าจะมาอีกค่ะ น่าจะมีองค์ปู่มาที่บ้านอีก องค์สีขาวอยู่ที่ออฟฟิศ เพชรกับทองอยู่ที่บ้านโนล่าอยู่ตอนนี้ บ้านใหม่ที่กำลังทำอยู่น่าจะมีอีก
เห็นว่ามีเรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับพญานาคด้วยหรอ ?
เจนี่ : จริงๆหลายครั้งเลย แต่ว่าบางทีเราถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เรื่องบางเรื่องไม่รู้ว่าสามารถเกิดขึ้นมาได้ยังไงแต่ก็มาได้ด้วยแรงบางสิ่งบางอย่าง อันนี้ก็อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละบุคคลด้วย
เจนสัมผัสกับท่านแล้วได้รับพรจากท่านเรื่องอะไรถึงรู้สึกว่าเชื่อในเรื่องนั้น ?
เจนี่ : เรื่องงานค่ะ อะไรที่เกี่ยวกับงาน พวกเราทำมาหากินใช่มั้ยท่านก็ชอบ ท่านชอบคนทำงาน แรงศัรทธาที่เวลาเจนนั่งสมาธิสวดมนต์แผ่เมตตา เป็นสิ่งที่เราทำประจำอยู่แล้วมันก็เหมือนมีพลังงานคลื่นบางอย่างอาจจะสื่อถึงกัน
แสดงว่าเทคนิคในการขอพรของเจนจะทำตอนที่สวดมนต์แล้วนั่งสมาธิอยู่นิ่งๆ คลื่นนั้นถึงจะถูกคอนเนคถูกป่ะ ?
เจนี่ : ใช่ค่ะ แต่ว่าเจนไม่ได้ขอ คือจริงๆแทบไม่ต้องพูดออกมาเป็นคำด้วยค่ะ มันเหมือนกับจิตสื่อจิต เวลาเจนขอเจนไม่ได้ขอเงินท่านนะคะ เจนแค่เหมือนกับว่าขอให้ลูกมีกำลังใจ มีพลังหัวใจในการที่จะทำอันนี้หรือว่าเรารู้ว่าพรุ่งนี้เราจะทำอะไร เจนแค่รู้สึกว่าเจนแค่นั่งสมาธิสวดมนต์ก็คือเราแผ่เมตตาให้ท่าน แผ่เมตตาให้ตัวเราด้วย เราก็แค่บอกท่านว่าวันนนี้ลูกจะมาทำงาน ขอกำลังใจจากท่านแค่นั้นเอง
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ https://youtu.be/c6Axs13V1CA?si=Ruo_nXrdwqLNcYdU