เริ่มแล้ว! เฟสติวัลเด็ก-เยาวชน ยิ่งใหญ่แห่งปี ‘ปิดเทอมสร้างสรรค์ ปี 68’ สสส. สานพลังภาคี 40 องค์กร ระดมกิจกรรมฉ่ำเว่อ เปิดพื้นที่เรียนรู้ 958 แห่งทั่วไทย หนุนเด็กเข้าถึงกิจกรรมสร้างทักษะชีวิต พร้อมเปิดตัว LINE OA ‘@happyschoolbreak’ ช่วยเด็กเข้าถึงพื้นที่เรียนรู้ 15 นาทีใกล้บ้าน อุดช่องว่างเด็กไทยเข้าไม่ถึงแหล่งเรียนรู้ 60% ไม่เคยไปศูนย์ฝึกอาชีพ 42.7%
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 มี.ค. 2568 ที่หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย 40 องค์กร จัดงาน Kick Off ปิดเทอมสร้างสรรค์ อัศจรรย์วันว่าง ปี 2568 ภายใต้แนวคิด “ปิดเทอมสร้างสรรค์ กิจกรรมฉ่ำเว่อ” เปิดพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้สร้างสรรค์เพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัวทั่วประเทศ พร้อมเปิดตัว LINE OA ‘@happyschoolbreak’ อำนวยความสะดวกเด็กและเยาวชน เข้าถึงพื้นที่เรียนรู้ 15 นาทีใกล้บ้าน
รศ.ดร.นิยม วงศ์พงษ์คำ รองอธิการบดีฝ่ายศิลปวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า กิจกรรมช่วงปิดเทอม ช่วยให้เด็ก เยาวชน นักเรียน และนักศึกษา ใช้เวลาว่างอย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์ การเรียนรู้ไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน แต่เกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยเฉพาะช่วงปิดเทอม เป็นโอกาสที่เด็กและเยาวชน จะได้ค้นหาความสนใจ และพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน โครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ของ สสส. สอดคล้องกับพันธกิจของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และพัฒนาศักยภาพของเยาวชนในจังหวัดขอนแก่นและทั่วภาคอีสาน ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมเป็นกำลังที่สำคัญของประเทศต่อไป
นายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในช่วงปิดเทอมมีมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะเด็กติดจอมือถือ หากเป็นเด็กเล็กจะยิ่งเสี่ยงต่อภาวะการเรียนรู้บกพร่อง (Learning Disability – LD) จากรายงานสรุปผลการใช้ไอซีทีของเด็กและเยาวชน ปี 2566 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบเด็กและเยาวชนใช้งานอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจาก 86.3% ในปี 2562 เป็น 98.2% ในปี 2566 เมื่อเด็กและเยาวชนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสื่อออนไลน์ อาจส่งผลกระทบตามมา เช่น การพนันออนไลน์ การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ และการติดเกมออนไลน์ รวมถึงการเคลื่อนไหวน้อย ขาดการออกกำลังกาย
นายธนากร กล่าวอีกว่า สกร. จึงร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและสนับสนุนกิจกรรมการเรียนรู้สร้างสรรค์เพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว ทำงานร่วมกัน 6 ด้าน 1.พัฒนาระบบฐานข้อมูล (Learning Platform) รวมแหล่งเรียนรู้ นำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้เด็กและครอบครัวเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้อย่างทั่วถึง 2.พัฒนามาตรฐานแหล่งเรียนรู้ (Learning Space) เพิ่มศักยภาพแหล่งเรียนรู้ให้มีคุณภาพ และขับเคลื่อนให้เกิดความร่วมมือระดับท้องถิ่น 3.พัฒนาศักยภาพนักจัดการเรียนรู้ (Learning Creator) ให้ออกแบบการเรียนรู้ที่สอดคล้องตามบริบทของพื้นที่ ผลักดันให้เกิดการรับรองคุณวุฒิวิชาชีพของนักจัดการเรียนรู้ 4.จัดแคมเปญกิจกรรมสร้างการเรียนรู้ (Learning Activity) ผ่านการรวบรวมและเผยแพร่กิจกรรมสร้างการเรียนรู้ในช่วงปิดเทอม พร้อมขยายผลให้เกิดการเรียนรู้ตลอดทั้งปี 5.ศึกษาแนวทางระบบธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) รวบรวมบทเรียนและองค์ความรู้ของเครือข่ายที่มีประสบการณ์ เชื่อมแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนและการศึกษาของรัฐ นำไปขยายผลให้แหล่งเรียนรู้สามารถบูรณาการการเรียนรู้และการศึกษาของรัฐ 6.สนับสนุนบทเรียน งานวิจัย และงบประมาณ สำหรับการจัดการแหล่งเรียนรู้
น.ส.ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักอาวุโส สำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่า ผลสำรวจข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการแหล่งเรียนรู้ กลุ่มเยาวชนอายุ 15-25 ปี รวม 19,694 คน จากทั่วประเทศ ปี 2565 โดย สสส. และศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว (คิด for คิดส์) พบเด็กและเยาวชน 60% ไม่เคยไปแหล่งเรียนรู้ประเภทศูนย์ฝึกอาชีพ 42.7% ไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ 29% ไม่เคยไปสวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์ 22.8% ไม่เคยไปสนามกีฬา สาเหตุที่เข้าไม่ถึงแหล่งเรียนรู้เนื่องจากระยะทางไกล การเดินทางเป็นอุปสรรค เด็กและเยาวชนกว่า 60% อยู่ในครอบครัวรายได้น้อย สอดคล้องกับรายงานสถานการณ์เด็กและครอบครัว ประจำปี 2566 โดย สสส. และคิด for คิดส์ พบเด็กเยาวชนไทยเติบโตในครอบครัวเปราะบางและยังไม่ฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจ มีเด็ก 1.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 26.ถ% ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ต้องอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายาย เมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล เด็กต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง หรืออยู่กับผู้สูงอายุและเพื่อน เสี่ยงต่อปัญหาพฤติกรรมที่ส่งผลต่อสุขภาวะ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ใช้สารเสพติด ไม่เกิดแรงจูงใจใฝ่เรียน และอาจส่งผลให้หลุดจากระบบการศึกษา
“จากสถานการณ์ดังกล่าว สสส. จึงสานพลังภาคีเครือข่าย 4 ภูมิภาค โดยมี 9 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สุพรรณบุรี อุตรดิตถ์ ลำพูน ลำปาง นราธิวาส กระบี่ ขอนแก่น นครราชสีมา พร้อมหน่วยจัดการ ประสานงานและขับเคลื่อนกิจกรรมในอีก 21 จังหวัด ในปี 2568 มีภาคีภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมที่มีแหล่งเรียนรู้ 985 องค์กร ทั่วประเทศ ร่วมกันจุดประกายให้เด็กและเยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ในช่วงวันหยุดและปิดเทอม สามารถค้นหากิจกรรมได้จาก www.ปิดเทอมสร้างสรรค์.com ที่รวบรวมกิจกรรมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ ความสุข และแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง สู่การเป็นพลเมืองไทย และพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ มากกว่า 1,000 กิจกรรม รวมถึงข้อมูลนำเสนอพื้นที่ให้เด็กและผู้ปกครองเลือกเข้าร่วมกิจกรรมตามที่สนใจ เป็นแหล่งเรียนรู้อยู่ใกล้บ้าน เด็กสามารถเข้าถึงได้ภายใน 15 นาที คาดว่าจะมีเด็กและครอบครัวทั่วประเทศ เข้าร่วมกิจกรรมตลอดทั้งช่วงปิดเทอมมากกว่า 100,000 คน” น.ส.ณัฐยา กล่าว
น.ส.ศิริพร พรมวงศ์ หัวหน้าโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ กล่าวว่า แพลตฟอร์ม ปิดเทอมสร้างสรรค์.com ทำหน้าที่เชื่อมองค์กรและเด็กๆ มาเจอกัน จับคู่กันตามความสนใจ เพื่อให้วันว่างกลายเป็นวันแห่งโอกาสที่เด็กจะได้เรียนรู้อย่างอิสระ สร้างสรรค์ สร้างฝัน สร้างทักษะชีวิต ที่น่าสนใจ ในปี 2568 ภาคีเครือข่าย ร่วมกับ สสส. เพิ่มความพิเศษให้กับโครงการปิดเทอมสร้างสรรค์ ด้วยการพัฒนาฐานข้อมูลบนระบบ LINE OA ‘@happyschoolbreak’ เพื่อเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูลพื้นที่จัดกิจกรรมวันว่าง พื้นที่แหล่งเรียนรู้ของภาคี และอำนวยความสะดวกแก่เด็กและผู้ปกครอง ในการค้นหากิจกรรมช่วงวันหยุด ในช่วงปิดเทอม