25 กรกฎาคม 1969 แมนสันแฟมิลี่ เริ่มปฏิบัติการโหด โดยบุกเข้าบ้านพ่อค้ายาตัวเอ้นาม “การี่ ฮินแมน” โดยอ้างว่าเพื่อทวงเงินที่การี่ติดหนี้พวกเขาไว้ แต่เมื่อการี่ขัดขืนและด่ากลับมา แมนสันเลยใช้ดาบตัดหูการี่ซะ และออกคำสั่งให้สาวกของเขาฆ่า พ่อค้ายาขาใหญ่ที่บัดนี้ตกเป็นเหยื่อโหดซะเอง “บ็อบบี้ บัวโซเลยล์” สาวกเอกเป็นคนแทงการี่ ต่อด้วย แมรี่ บรูนเนอร์ กับซูซาน แอดกินส์ เชือดซ้ำและเอาเลือดการี่มาเขียนบนกำแพงบ้านเป็นคำว่า “POLITICAL PIGGY” จากนั้นก็วาดรูปเล็บเสือไว้ด้วย เพื่อป้ายความผิดว่าเป็นฝีมือของ “แบล็คแพนเธอร์” (แก๊งค์คนผิวดำหัวรุนแรง)
สัปดาห์ต่อมาหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพการี่ พ่อค้ายา บัวโซเลยล์ สาวกเอกของแมนสันก็ถูกจับขณะขับรถเฟี้ยตที่ขโมยมาจากบ้านการี่ และอีก 2 วันให้หลัง แมรี่ และ ซูซาน ก็ถูกจับในข้อหาครอบครองบัตรเครดิตที่ฉวยมาจากกระเป๋าการี่
แต่ปฏิบัติการโหดสู่จุดมุ่งหมายของแมนสันแฟมิลี่ยังคงดำเนินต่อไป….เป้าหมายรายถัดมาของพวกเขาเป็นคฤหาสน์เก่าของ “เทรี่ เมลเชอร์” โปรดิวเซอร์ดังคนหนึ่งที่ยกเลิกสัญญาแผ่นเสียงของชาร์ลส แมนสัน ซึ่งนำความเจ็บแค้นมาสู่เขาและเก็บชื่อนี้ไว้ในบัญชีล้างแค้นด้วย ในตอนนั้นเทรี่ได้ย้ายบ้านออกไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าของบ้านคนใหม่ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยคือ ผู้กำกับหนังชื่อดัง “โรมัน โปลันสกี้” และภรรยาดาราสาวสวยผู้ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ความงามตามแบบฉบับสาวอเมริกันแท้ “ชารอน เทท” ซึ่งแมนสันเองก็ไม่รู้ว่า โปรดิวเซอร์คู่แค้นของเขาได้ย้ายออกไปแล้ว
9 สิงหาคม 1969 โปแลนสกี้มีธุระออกไปนอกบ้าน ส่วน ชารอน เทท ที่กำลังท้องแก่ใกล้คลอดอยู่บ้านกับเพื่อนๆ ของเธอ….เจย์ เซบริงก์ (แฟนเก่าของเทท), อาบิเกล ฟอลเกอร์ (ทายาทเศรษฐีพ่อค้ากาแฟ) และ วอยเทค ฟรีโควสกี้ (คนรักของอาบิเกล)
เท็กซ์ วัตสัน สาวกมือขวาแมนสัน พาพรรคพวกมาที่บ้านหลังนี้ในค่ำคืนหนึ่ง เขาปีนขึ้นเสาไฟไปตัดสายไฟตามคำสั่งของชาร์ลส จากนั้นก็ชวน ซูซาน แอดกินส์, แพทรีเชีย เครนวิงเคล กับ ลินดา คาซาเบียน สาวกครอบครัวแมนสันเข้าไปในบ้าน ช่วงนี้เองที่โชคร้าย สตีเว่น พาเรนท์ ขับรถเข้ามาบริเวณบ้านพอดี และเห็นพวกเขาเข้า เมื่อสตีเว่นถามว่า “พวกคุณเป็นใคร” เท็กซ์ก็หันกระบอกปืนเล็งไปที่สตีเว่น และยิงใส่หัวเขาถึง 4 นัด สตีเว่นตายในที่เกิดเหตุทันที
เท็กซ์ปีนเข้าห้องเด็ก และแอดกินส์กับเครนวิงเคลเข้าทางประตู คาซาเบียนยืนดูต้นทางอยู่ข้างนอก ซึ่งภายหลัง เธอเกิดความสำนึกผิดต่อการฆาตกรรมนี้ จึงให้ความร่วมมือในการสืบสวนกับตำรวจ
แอดกินส์ใช้มีดบังคับให้คนทั้งสี่มารวมกันที่ห้องโถง และเมื่อเท็กซ์ใช้ปืนสั่งให้เหยื่อหมอบลงกับพื้น เจย์ เซบริงก์ กลับขัดขืนกระโจนเข้าสู้ เท็กซ์จึงยิงทะลุปอดของเซบริงก์แต่เขายังไม่ตายในทันทีจึงพยายามฝืนสู้ เท็กซ์จึงใช้มีดเสียบไม่ยั้งเข้าร่างของเซบริงก์จนเขาสิ้นใจในที่สุดต่อหน้าเพื่อนๆ ที่กรีดร้องอย่างหวาดกลัวสุดขีด
พวกเขาแขวนศพของเซบริงก์เข้ากับขื่อบ้าน แล้วผูกปลายเชือกอีกข้างกับคอของชารอน เทท และอาบิเกล เท็กซ์สั่งให้แอดกินส์ฆ่าฟรีโควสกี้ นั่นทำให้เขาสะบัดหลุดหนีออกไปทางสวน แต่ก่อนที่จะออกพ้นบ้านนั้นเอง ฟรีโควสกี้ก็ถูกแทงจากข้างหลังนับครั้งไม่ถ้วน คาซาเบียนซึ่งเห็นเหตุการณ์จากนอกบ้านพยายามร้องห้าม แต่ไม่มีใครสนใจฟัง เท็กซ์ยิงฟรีโควสกี้ไปอีก 2 นัด แต่เขาก็ยังไม่ตายเสียที จึงใช้ปืนทุบซ้ำๆ จนเขาเสียชีวิต
อาบิเกลปลดเชือกที่พันคอตัวเองหลุดจึงวิ่งหนีออกไป แต่แอดกินส์ไล่ทันและแทงเธอ เท็กซ์ตามมาสบทบ แล้วทั้งสองก็ช่วยกันกระหน่ำแทงอาบิเกลจนขาดใจตายไปอีกคน
เมื่อพวกเขากลับมายังห้องโถงอีกครั้ง เท็กซ์ก็สั่งแอดกินส์ให้ฆ่าเทท ซึ่งดาราสาวพยายามร้องขอชีวิตโดยขอร้องให้เห็นแก่เด็กในท้อง แต่ก็ไม่มีใครฟัง แอดกินส์ เท็กซ์ และเครนวิงเคลช่วยกันแทงเธอถึง 16 แผล หลังจากตรวจดูว่าเททสิ้นใจตายแน่แล้ว แอดกินส์ก็ใช้ผ้าขนหนูชุบเลือดของเททเขียนคำว่า “PIG” บนผนังห้องโถง
ปฏิบัติการทั้งหมดนี้ เหล่าสาวกครอบครัวแมนสันกระทำลงไปโดยที่พวกเขาไม่ได้รู้เลยว่า ตัวเองฆ่าใครไปบ้างจนกระทั่งได้ดูข่าวในวันรุ่งขึ้น ถึงรู้ว่าเหยื่อแต่ละคนเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคมทั้งสิ้น แต่ใครสนล่ะ?! เหยื่อจะเป็นใครก็ช่าง พวกเททถูกฆ่าเพียงเพราะบังเอิญอยู่ที่นั่น….ก็เท่านั้นเอง!!
ผลงานครั้งนั้น ชาร์ลส แมนสัน พอใจกับฝีมือของแฟมิลี่มาก เขาจึงตัดสินใจลงมือในงานถัดไปด้วยตัวเอง โดยเลือกคฤหาสน์สุดหรูของ “เลโน่ ลาเบียนก้า” มหาเศรษฐีเจ้าของแฟรนไชส์ซูเปอร์มาร์เก็ต อันเป็นเป้าหมายถัดมา ชาร์ลสไม่สนว่าเหยื่อของเขาจะเป็นใคร เป้าหมายคือ ขอให้เป็นเศรษฐีก็พอ
1 วันหลังจากการฆาตกรรมชารอน เทท และเพื่อนๆ แล้ว พวกแมนสันก็บุกเข้าบ้านลาเบียนก้าในเวลาตี 1 ชาร์ลสใช้ปืนบังคับเลโน่และโรสแมรี่ซึ่งเป็นภรรยาลงมาที่ชั้น 1 จากนั้นมัดทั้งสองเอาไว้ แล้วไปเรียกเท็กซ์, เครนวิงเคล, เลสลี่ แวน ฮูเทน ซึ่งรออยู่ในรถเข้ามาจัดการเหยื่อต่อ
เท็กซ์ปาดคอเลโน่แล้วใช้มีดตัดเค้ก (ที่มีฟันหยักเป็นคลื่น) แทงซ้ำลงไปที่คอจนเลือดพุ่งกระฉูด ต่อหน้าต่อตาภรรยาคือ โรสแมรี่ ซึ่งเธอพยายามดิ้นรนขัดขืนเมื่อได้ยินเสียงร้องของสามี และเธอก็ถูกเครนวิงเคลกับฮูเทน รุมแทงพรุนถึง 41 แผล เลโน่ถูกแทงด้วยมีด 20 แผล ด้วยส้อม 11 แผล และบนท้องถูกกรีดเป็นคำว่า “WAR” และอย่างเคย พวกแมนสันทิ้งตัวอักษรเลือดคำว่า “DEATH TO PIGS” ไว้บนกำแพง และเขียนคำว่า “HEALTER SKELTER” (มี A เกินมาตัวหนึ่ง) ไว้ที่ตู้เย็น
สัปดาห์ต่อมา ชาร์ลส แมนสัน และเหล่าสาวกครอบครัวของเขาจำนวน 20 คนก็ถูกจับ แต่ไม่ใช่ในข้อหาฆาตกรรม แต่เป็นข้อหาขโมยรถยนต์ซึ่งในตอนนั้นตำรวจยังไม่สามารถโยงคดีฆาตกรรมทั้งสองเข้ากับแมนสันแฟมิลี่ได้ ข้อหาขโมยรถยนต์ก็มีหลักฐานไม่เพียงพอ พวกแมนสันจึงถูกปล่อยตัวไป
คดีฆาตกรรมมาเริ่มมีความเคลื่อนไหวเมื่อเข้าเดือนตุลาคมปีเดียวกัน เมื่อคนรักของบ็อบบี้ บัวโซเลยล์ สาวกของแมนสันมาขอความช่วยเหลือจากตำรวจ คดีจึงถูกโยงไปยังแมนสันแฟมิลี่เป็นครั้งแรก ประกอบกับ ซูซาน แอดกินส์ ที่ถูกจับในคดีขโมยบัตรเครดิตพ่อค้ายานั้น เธอดันไปเล่าเชิงอวดโอ่กับเพื่อนร่วมห้องขังว่า ตนมีส่วนร่วมในคดีฆ่าดาราดัง ชารอน เทท ด้วย ทำให้แมนสันแฟมิลี่ถูกจับในที่สุด
ชาร์ลสและแมนสันแฟมิลี่ถูกตัดสินโทษประหาร แต่โชคกลับเข้าข้างพวกเขา เมื่อครั้งนั้นรัฐแคลิฟอร์เนียเพิ่งประกาศยกเลิกโทษประหารไป พวกเขาจึงได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตแทน ต่อมาเมื่อปี 2005 ชาร์ลส แมนสัน ยื่นเรื่องอนุมัติขอออกจากคุก แต่เนื่องจากความโหดร้ายของคดีที่เขาก่อ จึงยากที่ศาลจะปล่อยเขาให้ออกมาดูโลกนอกคุก ส่วนบรรดาสาวกของเขาที่อยู่ในคุกตอนนี้ก็ล้วนแก่เฒ่าเป็นคุณปู่คุณย่าไม่ก็ทยอยตายกันไป ก็ไม่รู้ว่าจะสำนึกถึงความผิดที่ตนได้ก่อกรรมทำเข็ญมาบ้างหรือไม่
ล่าสุดชาร์ลส แมนสัน ฆาตกรฮิปปี้ตัวพ่อในวัย 80 เศษ เมื่อปีก่อนนี่เองเขาเพิ่งขออนุญาตเรือนจำจัดพิธีแต่งเมียสาวคราวลูกวัย 26 ปี ซึ่งก็เป็นสาวกที่หลงใหลในตัวแมนสันนั่นเอง แต่งงานหนนี้ท่าทีของปู่แมนสันดี๊ด๊าแฮ๊ปปี้มาก และเขายังคงมีแฟนคลับหรือเหล่าสาวกติดตามอยู่ถึงขั้นมีแฟนเพจในเฟซบุกของตัวเองด้วย ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ! แต่กว่าปู่แมนสันจะพ้นโทษในปี 2570 เขาก็จะอายุ 93 ปีพอดี ก็ไม่รู้ว่าคนชั่วอย่างเขาจะมีชีวิตยืนยาวอยู่จนถึงวันนั้นหรือเปล่า…..