สสส. รับรางวัล “เนลสัน แมนเดลา ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ” นานาชาติร่วมชื่นชม

33

ถ่ายทอดสดจาก WHO มอบรางวัลทรงเกียรติ “เนลสัน แมนเดลา ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ” รางวัลระดับโลก ให้ สสส. โล่เกียรติยศถึงไทยแล้ว นานาชาติร่วมชื่นชม สสส. ช่วยสร้างความเท่าเทียมด้านสุขภาพ สร้างระบบเอื้อต่อสุขภาพดี ชี้เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ที่พึ่งได้

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การอนามัยโลก (World Health Assembly : WHA) สมัยที่ 74 ในระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2564 ผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากการระบาดโควิด-19 โดยนางเดเชน วังโม (Ms.Dechen Wangmo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ราชอาณาจักรภูฏาน ในฐานะประธานสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 74 ได้ประกาศรายชื่อ บุคคลและองค์กรที่มีผลงานโดดเด่นในการทำงานพัฒนาด้านสาธารณสุขในประเภทต่าง ๆ รวม 4 รางวัล โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประเทศไทย ได้รับ “รางวัลเนลสัน แมนเดลา ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ประจำปี 2564” หรือ Nelson Mandela Award for Health Promotion 2021

ดร.ซเวลินี่ มะคีเซ่ (Dr.Zwelini Mkhize) ผู้แทนมูลนิธิแมนเดลาแห่งแอฟริกาใต้ (South Africa Mandela Foundation) กล่าวว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้กล่าวยกย่อง สสส. จากประเทศไทย เป็นผู้ได้รับรางวัล Nelson Mandela Award for Health Promotion 2021 จากองค์การอนามัยโลก สสส. เป็นองค์กรที่เหมาะสมกับรางวัลทรงคุณค่านี้ ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับการทำงานของ สสส. ซึ่งมีแนวการทำงานที่ตรงกับข้อคิดของเนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ ที่ว่า “สุขภาพที่ดีไม่ใช่เป็นเงื่อนไขตามรายได้หรือฐานะคน แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์” ทั้งนี้ สสส. มีส่วนสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพ โดยยึดมั่นในพันธกิจหลักในการเป็นตัวแทนของความเท่าเทียม เข้าถึง ด้านสุขภาพ เพื่อให้ “คนทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมีความสามารถและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี”
“ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จนี้ และขอให้ สสส. มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ในขณะที่เราร่วมกันเป็นประชาคมโลกในการสร้างระบบการดูแลสุขภาพที่มีความยืดหยุ่น สนองตอบอย่างรวดเร็วต่อภาวะวิกฤตหรือความต้องการของสังคมที่เกิดขึ้นใหม่ อาทิ การแพร่ระบาดของโควิด-19” ดร.ซเวลินี่ กล่าวชื่นชม

ด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า รางวัลนี้ถือเป็นการเชิดชูความทุ่มเทพยายามเพื่อขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพ ที่เป็นข้อพิสูจน์ของขบวนการขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพของประเทศไทย ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ในผลงานความสำเร็จร่วมกันด้านการสร้างเสริมสุขภาพของบุคคลและองค์กรต่างๆ ในสังคมไทย โดยช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา สสส. ได้ทำหน้าที่เป็น “องค์กรนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ” ที่ใช้กลไกทางการเงินการคลัง จากส่วนเพิ่มของภาษีสรรพสามิตยาสูบและแอลกอฮอล์ ในการทำงานลดปัจจัยเสี่ยง เพิ่มปัจจัยสร้างสุขภาพ โดยสนับสนุนแผนงาน/โครงการสุขภาวะจำนวน 3,000 โครงการต่อปี ขับเคลื่อนผ่านความร่วมมือของภาคีเครือข่ายจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่การเพิ่มขีดความสามารถบุคคลให้มีวิถีชีวิตสุขภาวะ ไปถึงการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม นโยบาย และโครงสร้างทางสังคมให้เอื้อต่อสุขภาวะ ในการก้าวสู่ทศวรรษที่สาม สสส. ยังเต็มไปด้วยแรงใจและความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการสร้างความเปลี่ยนแปลง การคิดค้น และขับเคลื่อนนวัตกรรม เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดีและสังคมมีสุขภาวะอย่างยั่งยืน สสส. มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนค่านิยมในสังคมไปสู่สังคมมีสุขภาวะที่ดีและมีความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ สสส. ได้จัดให้มีการถ่ายทอดสดพิธีมอบรางวัล ในการประชุมสมัชชาใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHA) สมัยที่ 74 ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ สสส. โดยมีบุคคลสำคัญทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง ภาคีที่สำคัญของ สสส. ร่วมแสดงความยินดี อาทิ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต ฯลฯ พร้อมชวนคนไทยร่วมภาคภูมิใจไปกับรางวัลเนลสัน แมนเดลา รางวัลเกียรติยศของคนไทยทุก เพื่อเป็นพลังสร้างสรรค์งานสร้างเสริมสุขภาวะต่อไป

อนึ่ง รางวัลจากองค์การอนามัยโลกที่มอบให้ในปีนี้ อีก 3 รางวัล ได้แก่ 1.รางวัลซาซากาว่าแห่งสหประชาชาติเพื่อการสาธารณสุข ซึ่งมอบให้กับ ดร.หวู หาว (Wu Hao) จากประเทศจีน และ ดร.อามาล ซาอิฟ อัล-มานี (Dr Amal Saif Al-Maani) จากประเทศโอมาน 2.รางวัลชีค ซาบา อัล-อาเหม็ด อัล-ซาบาห์ เพื่อการวิจัยงานสาธารณสุขเพื่อการดูแลผู้สูงอายุและการส่งเสริมสุขภาพ มอบให้กับ “ศูนย์แห่งชาติเพื่อผู้สูงอายุ” หรือ National Center for Gerontology ประเทศจีน และ 3.รางวัลดร. ลี จง-วุค เพื่อการสาธารณสุข มอบให้กับสถาบันภาครัฐ “ศูนย์วิจัยแห่งชาติเพื่อรังสีแพทย์” สถาบันวิชาการแพทยศาสตร์แห่งชาติยูเครน