เว็บไซต์ eldoradocountyweather.com รายงานอันดับเมืองที่มีอุณหภูมิร้อนที่สุดในโลกจำนวน 15 อันดับ ไปเมื่อวันที่ 11 เม.ย.2559 โดยประเทศไทยติดอันดับร้อนจัดในกลุ่มท๊อปเทน (จาก 3 จังหวัดคือ สุโขทัย ลำปาง และ กาญจนบุรี)
ขณะที่เมืองบูบันเนสชวาร์ ประเทศอินเดีย ครองแชมป์เมืองที่ร้อนเป็นอันดับ 1 ของโลก (ณ วันที่ 11 เม.ย.) โดยอุณหภูมิอยู่ที่ 45.8 องศาเซลเซียส ต่อมาอุณหภูมิก็สูงขึ้นอีกในวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งประเทศไทยหลุดจากอันดับร้อนท๊อปเทนไปแล้ว ส่วนประเทศที่ร้อนสุดอันดับ 1 อยู่ที่เมือง Tillaberi สาธารณรัฐไนเจอร์ มีอุณหภูมิสูงถึง 46 องศาเซลเซียส ขณะที่วันนี้ (17 เม.ย.) คลื่นความร้อนสูงยังคงแผ่ปกคลุมในบริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลก ทำให้หลายประเทศที่อยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตรพาดผ่านและบริเวณใกล้เคียงมีอากาศร้อนจัด อุณหภูมิจึงพุ่งสูงมากกว่า 40 องศาเซลเซียส และคาดการณ์ว่าจะยังคงร้อนรุนแรงเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายวัน
อากาศที่ร้อนจัดและอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ตรงกับที่กรมอุตุนิยมวิทยา สหราชอาณาจักร คาดการณ์เอาไว้ว่าปี 2559 จะร้อนหนักกว่าปี 2558 ซึ่งนายBob Ward ผู้อำนวยการด้านนโยบายประจำ Grantham Research Institute on Climate Change ที่ London School of Economics เคยกล่าวว่า “อุณหภูมิเฉลี่ยพื้นผิวโลกยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่ารัฐบาลต่างๆ จะต้องทำงานอย่างแข็งขันกว่านี้ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ถ้าหากว่าจะยังพอเหลือโอกาสในการป้องกันไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส ตามที่ตกลงกันไว้ที่ปารีส”
นั่นจึงไม่ใช่เฉพาะไทยเท่านั้นที่กำลังเผชิญกับภาวะอากาศร้อนเป็นประวัติการณ์ แต่เพื่อนบ้านของเราหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนก็ตกที่นั่งเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะแห้งแล้งและร้อนจัด ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์เท่านั้น แต่ยังสร้างความเสียหายให้กับผลผลิตทางการเกษตรซึ่งเป็นที่พึ่งพิงของชาวโลกอีกด้วย
แหล่งข้อมูล : eldoradocountyweather.com , skymetweather.com
