ครม. ไฟเขียวการจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล และการจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ

22

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบการจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบดิจิทัลของประเทศไทย รวมถึงการจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตามที่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล นำเสนอ โดยระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลของไทยให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัล ลดอุปสรรคเพื่อให้หน่วยงานรัฐและประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้มากขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้โครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมดิจิทัล สอดคล้องแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระยะที่ 2

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีมติเห็นชอบสาระสำคัญเรื่องการจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบดิจิทัลของประเทศไทย (ดิจิทัลสตาร์ทอัพ) รวมถึงการจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ตามที่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำเสนอ โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมด้วย ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า คณะผู้บริหารจาก ดีป้า และ สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) ร่วมประชุม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

ผศ.ดร.ณัฐพล เปิดเผยว่า การจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล ถือเป็นมาตรการเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการดิจิทัลจากผู้ประกอบการและผู้ให้บริการดิจิทัลสัญชาติไทย โดยการพัฒนา TECHHUNT แพลตฟอร์มรวบรวมสินค้าและบริการดิจิทัลที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีราคากลางที่ชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการดิจิทัลได้โดยสะดวก พร้อมกันนี้ยังได้มอบหมายให้ กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า เป็นหน่วยงานจัดทำบัญชีบริการดิจิทัล และเป็นหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ประกอบการและผู้ให้บริการดิจิทัลที่ขอขึ้นทะเบียนบัญชีบริการดิจิทัล อีกทั้งมอบหมายให้ กรมบัญชีกลาง พิจารณาผลักดันบัญชีบริการดิจิทัลเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และเป็นหนึ่งในหมวดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ตามขั้นตอนการประกาศกฎกระทรวงการคลัง กำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน พ.ศ. 2563 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการดิจิทัลร่วมพัฒนาระบบราชการไทยต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบการจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการทำหน้าที่ขับเคลื่อน วิเคราะห์ และบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศ จัดทำยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ให้คำปรึกษา และส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมด้านข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ สอดคล้องเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ระดับชาติ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการและประชาชน พร้อมอนุมัติหลักการของร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันคลังข้อมูลขนาดใหญ่แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. … เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาตามกระบวนการต่อไป

“จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการดำเนินงานทั้ง 2 เรื่องสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลไทยให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบ ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนสามารถเข้าถึง ต่อยอด และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้มากขึ้น อีกทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้โครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมดิจิทัล สอดคล้องตามแผนแม่บท การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570)” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวทิ้งท้าย